top of page

🎙️ Story ของคนใน = Brand Voice ที่ทรงพลังที่สุด

  • Writer: Apinun Ruddist
    Apinun Ruddist
  • Aug 4
  • 1 min read
“เพราะสิ่งที่พนักงานพูด…เสียงดังกว่าคำโฆษณา”
“เพราะสิ่งที่พนักงานพูด…เสียงดังกว่าคำโฆษณา”

ปัญหาที่หลายองค์กรเจอ ❗

  • มีแคมเปญแบรนด์องค์กร แต่คนในไม่แชร์ ไม่อิน ไม่ร่วมด้วย

  • ทำ Content สวย หรู แต่รู้สึก "ห่างไกลจากความจริงในองค์กร"

  • ภาพลักษณ์องค์กรดูดีเฉพาะภายนอก แต่คนที่สัมภาษณ์กลับถามว่า “ข้างในเป็นแบบนั้นจริงไหม?”

  • พนักงานพูดถึงองค์กรในวงนอก แต่ไม่สอดคล้องกับสิ่งที่องค์กรสื่อ

  • คนดีๆ ลาออก แล้วรีวิวองค์กรไว้ไม่ดี เพราะไม่รู้สึกมีส่วนร่วม

ถ้า “พนักงานไม่พูดแทนแบรนด์” = แบรนด์องค์กรขาดพลังแต่ถ้า “พนักงานคือคนเล่าเรื่อง” = แบรนด์จะน่าเชื่อถือที่สุด

💡 ทำไม “เรื่องเล่าของคนใน” จึงสำคัญต่อแบรนด์องค์กร?


เพราะผู้คน “เชื่อคน” มากกว่าเชื่อสื่อ !!  Story ของพนักงาน ไม่ต้องสคริปต์ ไม่ต้องแอคติ้งแค่จริงใจ…ก็ทรงพลัง


Story ของคนในมีพลัง เพราะ:

✅ มี “ความจริง” + “อารมณ์ร่วม” + “ประสบการณ์ตรง”

✅ สะท้อนวัฒนธรรมองค์กรที่ใช้ได้จริง ไม่ใช่แค่ภาพถ่ายสำนักงาน

✅ สร้างแรงบันดาลใจให้คนภายนอกอยากเข้ามาอยู่ด้วย

✅ สร้างแรงจูงใจให้คนในรู้สึก “ภูมิใจ” และอยาก “อยู่ต่อ”

🧠 องค์กรควรใช้ “Story ของคนใน” อย่างไร?

  1. เล่าเรื่องเล็กๆ ที่คนเข้าถึงได้ ✅เรื่องธรรมดา = เรื่องที่ “คนเชื่อ” และ “คนอิน” ไม่จำเป็นต้องเป็นเหตุการณ์ยิ่งใหญ่หรือคำพูดอลังการ แต่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่สะท้อนวัฒนธรรมและวิธีคิดขององค์กร เช่น:

    • “วันแรกของฉันที่นี่” → ทำไมถึงรู้สึกประทับใจ หรือประหม่า?

    • “หัวหน้าที่ทำให้ฉันกล้าเติบโต” → พฤติกรรมแบบไหนที่สร้างความมั่นใจ

    • “ทีมนี้สอนฉันเรื่องอะไรบ้าง” → ไม่ใช่แค่สอนงาน แต่สอนให้ “เข้าใจคน”

เคล็ดลับ: ให้พนักงานเล่าในภาษาของเขาเอง ไม่ต้องแก้ให้สมบูรณ์แบบ


  1. ใช้หลายรูปแบบ 🎥ไม่จำเป็นต้องลงทุนใหญ่ — ขอแค่ “เล่าให้เห็นใจ”

    • ภาพพร้อมแคปชัน: ถ่ายจากมือถือได้เลย เช่น ภาพพนักงาน + ข้อความ 3–4 บรรทัด

    • Reel / Short Clip: 15–60 วินาที เช่น “ตอบคำถาม 1 เรื่องที่คุณเรียนรู้ในที่นี่”

    • Quote Poster: ดึงประโยคจากคำพูดจริงของพนักงาน มาทำเป็นกราฟิก

    • Long-form Blog หรือ Interview: สำหรับแชร์ใน LinkedIn หรือ Intranet

✅ เคล็ดลับ: เริ่มจาก “สิ่งที่คนในอยากเล่า” ก่อนจะคิดว่า “องค์กรอยากให้เล่าอะไร”


  1. กระจายผ่านหลายช่องทาง 🌐“เรื่องดีๆ” ไม่ควรอยู่แค่ในห้องประชุม หรือเมลภายใน

📌 ช่องทางภายในองค์กร

  • LINE Group, Slack, Workplace, Microsoft Teams

  • Intranet หรือ Learning Platform

  • E-newsletter พนักงานประจำเดือน

📌 ช่องทางภายนอกองค์กร

  • LinkedIn (เล่าแบบจริงจัง)

  • TikTok / Instagram Reels (เล่าแบบสนุก / behind-the-scenes)

  • Facebook Page (เนื้อหาเบาแต่จริงใจ)

✅ เคล็ดลับ: ให้ทีม HR / Comms ทำปฏิทินคอนเทนต์ แล้วเชิญพนักงานร่วมแชร์เรื่องเป็นรายเดือน


  1. เปิดพื้นที่ให้พนักงานเล่าเอง 🎤ถ้าอยากให้แบรนด์ “จริง” ต้องกล้า “ไม่ควบคุมทุกคำพูด”

    • จัดกิจกรรมเล็กๆ เช่น “Share วันศุกร์” / “เรื่องเล่าจากแถวหน้า”

    • มีช่องทางส่งเรื่องราว เช่น Google Form หรือ Box กล่องไอเดีย

    • ชวนพนักงานมาเล่าในงาน Townhall หรือ Internal Podcast

    • ยกย่องผู้เล่าเรื่อง เช่น “Brand Voice of the Month”

✅ เคล็ดลับ: ให้พนักงานรู้ว่า “เสียงของคุณมีค่า” และองค์กรพร้อมรับฟังจริง

🛠️ แล้ว SETech จะช่วยอย่างไร?

SETech เชื่อว่า “เสียงของคนใน” คือแบรนด์ที่น่าเชื่อถือที่สุด เราช่วยองค์กรคุณให้สามารถ "ดึงพลังจากพนักงาน" มาใช้ในการสร้างแบรนด์ได้อย่างยั่งยืน

โซลูชันของเรา:


Employee Storytelling Design

  • วางโครงเรื่องและธีมการเล่าที่เชื่อมกับวัฒนธรรมองค์กร

  • ช่วยพนักงานคิดประเด็นที่น่าเล่า (ไม่ต้องฝืน)


ผลิตคอนเทนต์ร่วมกับพนักงานจริง

  • ถ่ายคลิปสั้น, Reel, ภาพ Quote, หรือ Long Form Interview ที่ไม่ขาย แต่เล่า

  • แปลงเรื่องจริงเป็นสื่อที่ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอก


จัดกิจกรรม Show & Share หรือ Internal Campaign

  • ให้พนักงานทุกระดับมีเวทีเล่าเรื่อง แชร์ประสบการณ์ และต่อยอดเป็น Culture Movement


สร้างระบบ Ambassador Program

  • ช่วยสร้าง Personal Brand ให้พนักงาน พร้อมผลักดัน Employer Brand ไปพร้อมกัน


อยากให้คนเก่งเข้ามา อยากให้คนดีอยู่ต่อ เริ่มที่ “การเปิดพื้นที่ให้เขาเล่าเรื่อง”



 
 
 

Comments


bottom of page